ดูหนัง The Darkness (2016) วิญญาณนรกตามสยอง
ปีเตอร์และบรอนนี่ เทย์เลอร์ไปเที่ยวพักผ่อนที่แกรนด์แคนยอนในแอริโซนาพร้อมกับสเตฟานีไมกี้ ลูกสาววัยรุ่น ที่ เป็นโรคบูลิมลูกชายวัยรุ่นที่เป็นออทิสติก และครอบครัวคาร์เตอร์อีกครอบครัวหนึ่ง ไมกี้ค้นพบถ้ำเล็กๆในคีว่าซึ่งเขาพบหินสีดำที่มีสัญลักษณ์อยู่ด้วย เขาจึงหยิบหินเหล่านั้นมา เมื่อครอบครัวเทย์เลอร์กลับมาบ้าน เรื่องแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น บรอนนี่พบว่าก๊อกน้ำในครัวเปิดอยู่เรื่อยๆ และสเตฟานีก็เห็นรอยมือบนกระจก ซึ่งไมค์กี้โทษว่าเป็นเพราะ “เจนนี่” หลังจากสเตฟานีกลับมาจากโรงเรียน เธอก็อาเจียนใส่ภาชนะแล้ววางไว้ใต้เตียง บรอนนี่รับเธอไว้ได้ และเธอกับปีเตอร์ก็ได้รู้ว่าสเตฟานีอาเจียนมาสักพักแล้ว พวกเขาพาเธอไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยปล่อยให้ไมค์กี้อยู่ที่บ้านแม่ของบรอนนี่ แม่ของบรอนนี่พบว่าไมค์กี้พยายามฆ่าแมวของเธอ ซึ่งทำให้ปีเตอร์ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ที่บ้าน บรอนนี่ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับกิจกรรมแปลกๆ ดังกล่าวทางออนไลน์ และเรียนรู้เกี่ยวกับชาว อินเดียนเผ่า อนาซาซีซึ่งเชื่อว่าปีศาจถูกผูกไว้กับหินที่ซ่อนอยู่ในถ้ำ หากนำหินเหล่านี้ไป ปีศาจจะกลายร่างเป็นอีกางูโคโยตี้หมาป่าและควายครอบครัวนี้เคยเผชิญหน้ากับอีกาและงูมาแล้ว ปีศาจจะเชื่อมต่อกับเด็กเล็กที่ถูกดึงเข้าไปในโลกของพวกเขา ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ความมืด” วิธีเดียวที่จะขับไล่ปีศาจเหล่านี้ได้คือต้องนำหินเหล่านั้นกลับไปยังที่ที่พบโดยคนที่ไม่กลัว ต่อมา บรอนนี่และปีเตอร์พบว่าไมกี้มีรอยดำจากไฟไหม้ในห้องของเขา มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา ต่อมาในคืนนั้น บรอนนี่ฝันร้ายเกี่ยวกับหมาป่า เธอเริ่มดื่มเหล้าอย่างหดหู่ ในห้องของไมกี้ พบว่าผนังส่วนที่เสียหายจากไฟไหม้คือประตูมิติ สเตฟานีถูกบีบคอด้วยรอยมือที่ปรากฏทั่วผนังและร่างกายของเธอ ในบ้านต้นไม้ ปีเตอร์เห็นหมาป่าและเงาของปีศาจที่หน้าต่างของสเตฟานี พลังหยุดบีบคอสเตฟานีขณะที่เขารีบวิ่งเข้าไป จากนั้นเขาก็พังประตูห้องน้ำของไมกี้และพบว่าเขามีรอยต่างๆ ทั่วผนังและเพดาน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
เควิน เบคอน / Kevin Bacon

ราดา มิตเชลล์ / Radha Mitchell

เจนนิเฟอร์ มอร์ริสัน / Jennifer Morrison

ผู้กำกับ เกร็ก แม็คเลน / Greg McLean
รีวิวหนัง The Darkness (2016) วิญญาณนรกตามสยอง
จิบชา รับลม กับมิสเตอร์ อเมริกัน
หลังการไปเที่ยวแกรนแคนย่อน ครอบครัวเทย์เลอร์ได้พบว่า มีบางอย่างผิดปกติในบ้าน เมื่อลูกชายออร์ทิสติคของเขาได้มีเพื่อนเล่นใหม่นามว่า เจนนี่ มาอยู่ในบ้านด้วยพร้อมกับที่บ้านเริ่มมีบางอย่างผิดปกติ การคุกคามของสิ่งมองไม่เห็นเกิดขึ้น มั่นคือ วิญญาณอินเดียแดงโบราณที่กำลังวางแผนเอาตัวลูกชายของเขาไปยังนรกด้วย นั่นเองทำให้ครอบครัวนี้ต้องเชิญหมอผีอินเดียแดงมาปราบพวกมันก่อนที่จะเสียลูกชายไปตลอดกาล พูดตามตรงครับว่า นี่เป็นหนึ่งในหนังแนวผีหลอกวิญญาณหลอนที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงหลายปีมานี้ชนิดที่เหมือนหยิบพิมพ์เชียวตัวละครมา แค่เปลี่ยนปีศาจจากผีทางคริสต์มาเป็นอินเดียแดงเท่านั้น นอกจากหนังก็ไม่มีอะไรเลยเพราะ มันเอาทุกอย่างที่หนังแนวนี้จะมีมาใส่จนหมดเกลี้ยง ทั้ง เสียงกึกก้อง เพื่อนทีมองไม่เห็ย การข้ามมิติไปช่วยลูก หรือกระทั่งผีที่มีรูปร่างประหลาดเป็นต้น น่าแปลกใจที่มีหนังอย่าง ผีหลอกวิญญาณหรือ อินซิเดียสไปแล้ว ฮอลลีวู้ดก็ยังบ้าบอที่จะสร้างหนังอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีกทั้งที่มันซ้ำซากจำเจจนแบบไม่รู้ว่า มีอะไรใหม่ในหนังเรื่องนี้อีกไหมเหมือนกัน เอาจริงหนังสยองขวัญสายผีบ้านไม่เคยหลุดหายไปไหน ต้องบอกว่า มันเป็นหนึ่งในประเภทหนังผีที่ถูกสร้างขึ้นโคตรจะบ่อยครั้งด้วยซ้ำ (พอ ๆ กับหนังผีเข้าทั้งหลาย) แน่ล่ะว่า สูตรมันก็เหมือนเดิม มันคงว่าด้วยผีที่คุมคามครอบครัวอเมริกันชนที่กำลังมีปัญหาครอบครัว อาจจะย้ายบ้านมาหรือไม่ก็ได้แต่ต้องมีตัวละครอ่อนแอ เช่น เด็กเล้กหรือออทิสติคมาใช้เพื่อเป็นสื่อนำผี จากนั้นก็ใช้ลูกเล่นเสียง กลิ่น ให้บางอย่างหลอกหลอนตัวละคร ซึ่งบอกเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นเป็นไปตามสเต็ปสูตรหนังแนวนี้จนหมด แม้กระทั่งปราบผียังต้องไปตามหมอผีมาปราบเลย แถมพี่แกยังเอาไคลแม็กซ์เป็นพ่อบุกไปช่วยลูกในโลกต่างมิติจากพวกผีอีกต่างหาก
นั่นคือสิ่งที่ผีหลอกวิญญาณหลอนวางรากฐานมานานหลายสิบปี แต่หนังเรื่องนี้ดันบ้าจี้เล่นสูตรนี้หมดเลย ทำให้หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่สักนิด ผีก็ไม่ได้ดูน่ากลัวหลอนสยองขวัญอะไรตรงไหนซะอีกเล่นเอาซะเสียเวลาทั้งที่อุตส่าห์ปูบทผีเอาไว้แล้ว แต่เหมือนว่า ไม่สามารถให้มันมีอิทธิฤิทธิ์ได้มากกว่านี้ทำให้รู้สึกว่า ไปนั่งดูผีหลอกวิญญาณหลอนภาคเก่าหรือรีเมคยังจะดีกว่า (อาจจะร่วมอินซิเดียวที่ดีกว่าเยอะ) แน่ล่ะว่า พอเห็นชื่อผู้กำกับอย่าง เกร็ก แม็คคลีนเรารู้สึกว่า เฮ้ย พี่มาทำอะไรในหนังห่วย ๆ เรื่องนี้ว่ะ คือ พอเรานึกถึงหนังระทึกขวัญอย่าง Wolfcreek 1-2 หรือ Rouge ที่โหดสลัดสัสเป็ดแถมสนุกด้วย และพอมาดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า พี่ตั้งใจกำกับหรือเปล่าครับ ง่อยโคตร ๆ ผิดฟอร์มพี่ไปเลย หรือเพราะเรต PG-13 กันหน่อเลยแสดงฤิทธิ์ไม่ได้ แต่สำหรับเนื้อเรื่องแล้วน่าเบื่อ เดาได้ แถมผิดฟอร์มไปไกลเลย รวมแล้วเป็นหนังสยองขวัญสายผีบ้านที่น่าผิดหวังและน่าเบื่อมาก ๆ มีดีแค่ฉากเดียวแต่ที่เหลือไม่มีอะไรเลย ทั้งที่ได้ดาราอย่าง เควิน เบค่อน หรือ David Mazouz มาเล่นนะ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำสักนิดเดียว
หมื่นทิพ
แม้นี่จะเป็นหนังผี แต่ผมขอเล่าแบบขำๆ แล้วกันน่ะนะครับ (5555) สรุปแล้ว นี่คือการเอา The Exorcist มาเจอกับ Poltergeist ครับ คือลอกสูตรหนังพวกนั้นมาแบบเต็มๆ ดังนั้นใครคาดหวังอะไรสดใหม่ล่ะก็ ทำใจได้เลยครับ ^_^ เรื่องของครอบครัวเทย์เลอร์ที่ไปเที่ยวแกรนด์แคนยอน แต่ทีนี้ลูกชายคนเล็กดันไปหยิบเอาก้อนหินลึกลับที่เขาเจอในถ้ำติดมือกลับมาที่บ้าน… คงพอเดาได้ล่ะนะครับว่าอาถรรพ์ลึกลับประดามีก็จะตามติดไปที่บ้านของครอบครัวเทย์เลอร์ทันที แล้วก็เกิดเรื่องน่ากลัวๆ ที่บ้านเทย์เลอร์ครับ ไม่ว่าจะเสียงแปลกๆ หรือจู่ๆ ลูกสาวคนโตก็รู้สึกเหมือนมีคนไปยืนอยู่ในห้องน้ำ ตอนเธอกำลังอาบน้ำอยู่ (ผีก็เลือกเวลาไปหาได้เหมาะเหลือเกินนะ ไปหลอนผู้หญิงทีไร ต้องอาบน้ำทุกที 555) แล้วพอเกิดเรื่องมากๆ เข้า ปีเตอร์ (Kevin Bacon) และ บรอนนี่ (Radha Mitchell) ผู้เป็นพ่อและแม่ก็พยายามตามล่าหาความจริง แล้วก็หาคนมาช่วยไล่ปีศาจร้ายที่ตามครอบครัวเขามา (อันนำมาสู่สถานการณ์ที่เหมือนตอนท้ายของ Poltergeist อย่างยิ่ง)
ครับ คือระหว่างดูนี่มันนึกถึงหนังเก่าที่ผมเอ่ยชื่อไปจริงๆ นะ หลายฉากมันใช่เลยครับ อย่างตอนบรอนนี่เดินขึ้นไปห้องใต้หลังคา มันแทบจะเหมือนตอนแม่เรแกนไปสำรวจที่ห้องใต้หลังคา (ใน The Exorcist) เลยจริงๆ หรือตอนท้ายที่มีแม่หมอมาไล่ผี ก็เหมือน Poltergeist มากๆ ครับ แต่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าหนังเก่าๆ ทำได้ขลังและน่าติดตามกว่ากันมากครับ กับเรื่องนี้แล้วหนังออกมาเรื่อยๆ ธรรมดามาก ยิ่งยุคนี้มีหนังอย่าง Insidious หรือ The Conjuring ทำออกมาด้วยแล้ว สไตล์หนังผีเดิมๆ แบบนี้ก็ยิ่งดูธรรมดาไปกันใหญ่ ผมก็มานั่งคิดนะ ว่าหนังก็แทบจะเดินตามรอย The Exorcist และ Poltergeist แท้ๆ แต่ทำไมมันดูธรรมดาจัง ก็ได้คำตอบครับว่า ฉากน่ากลัวหรือฉากหลอน มันไม่ได้หลอนสักเท่าไรนัก มันออกแนวเดิมๆ คือ มันมากับความมืด มันมาเป็นเสียง อะไรแบบนั้น แต่บรรยากาศมันยังไม่ถึงขีดหลอนสักเท่าไร
ต่อมาคือการเดินเรื่องครับ ช่วงต้นพอเข้าใจว่าเป็นการปูพื้น ให้เราได้เห็นที่มาของอาถรรพ์ แล้วก็มีฉากหลอกหลอนให้เราเห็น แต่ประเด็นคือเหมือนช่วงกลางๆ หนังจะใส่ฉากหลอนแบบต่างๆ ลงมา ประหนึ่งเพื่อให้เวลามันครบชั่วโมงกว่าๆ เพื่อที่จะได้ให้อีก 20 นาทีที่เหลือ หมดไปกับการไล่ผี ว่าง่ายๆ คือตอนกลางๆ หนังใส่ฉากน่ากลัว (ที่ไม่ใคร่จะน่ากลัวนัก) ลงมาเพื่อยืดให้เวลามันครบน่ะครับ แต่ถ้าว่ากันในแง่เนื้อเรื่องแล้วมันไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเท่าไร (ในแง่หนึ่งก็เหมือน ไม่รู้จะเล่าอะไรดี ก็เอาฉากผีหลอกใส่ๆ ลงไปก่อนแล้วกัน) ไม่เหมือนหนังสยองที่เข้าท่าๆ อีกหลายเรื่องที่มักจะพยายามสอดแทรกเนื้อเรื่องหรือปมอะไรบางอย่างลงไป เพื่อให้หนังมีน้ำหนักมากขึ้น, เพื่อให้คนดูสงสารหรืออินไปกับตัวละครมากขึ้น หรือเพื่อบิ้วอารมณ์ให้คนดูรู้สึกขนพองมากขึ้น โดยการเล่าตำนานอะไรประมาณนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเล่าครับ แต่เล่าตอนท้ายๆ เหมือนเพื่อใส่ข้อมูลมาให้ครบๆ มากว่าจะใช้ข้อมูลพวกนี้ในการโหมอารมณ์น่ากลัว (แบบที่หนังอย่าง Paranormal Activity เคยทำ)
r-g-hughes
⭐ 5/10
ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ ‘โอเค’ แต่เริ่มจะแย่เพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของหนังสยองขวัญและรู้สึกเบื่อๆ หน่อย ฉันดูหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ/ระทึกขวัญมานานกว่า *ไอ* 40 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม มันเป็นหนังที่ดีถ้าคุณมองจากมุมมองของคนหนุ่มสาว เช่น เด็กหรือวัยรุ่น หนังเรื่องนี้ไม่มีเลือดสาดมากนัก แต่มี ‘เลือด’ ในฉากหนึ่งที่ฉันจำได้ และมี ‘จุดเลือด’ ไม่ใช่ ‘แอ่งเลือด’ แบบที่คุณอาจเจอถ้าเอาเข็มจิ้มนิ้ว ฉันแปลกใจจริงๆ ที่หนังเรื่องนี้ทำรายได้ได้ไม่ดีนักเมื่อพิจารณาจากจำนวนดาวในหนัง Ming-na Wen, Kevin Bacon, Jennifer Morrison, Paul Reiser? เหอะ! ฮ่าๆ ยังไงก็ตาม หนังเรื่องนี้มีศักยภาพมากมาย แต่สำหรับฉัน มันทำได้ไม่ดีเท่าไร ฉันคงให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 7 คะแนนตอนเป็นวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น เนื่องจากฉันเป็นผู้ใหญ่ที่แก่ตัวลงและเบื่อหน่ายหนังสยองขวัญ ฉันจึงค่อนข้างเข้มงวดกับหนังประเภทนี้มากกว่า เพราะฉันคาดหวังไว้สูง นอกจากนี้ ฉันยังไม่ง่วงหลับขณะดูเหมือนกับตอนดู The Conjuring