ดูหนัง Land (2021) แดนก้าวผ่าน
หลังจากประสบการณ์เลวร้าย อีดี โฮลเซอร์พยายามเข้ารับการบำบัด โดยเปิดเผยกับนักบำบัดว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงผู้คน เธอจึงออกจากเมืองและย้ายไปไวโอมิงซึ่งเธอซื้อกระท่อมเล็กๆ ห่างไกลพร้อมที่ดิน และตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างสันโดษโดยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ใดๆ ที่เชื่อมโยงเธอเข้ากับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือรถยนต์ ในช่วงแรก อีดีต้องดิ้นรนกับการจัดหาเสบียงพื้นฐาน รวมถึงการสับฟืนและตกปลา เมื่อหมีดำเข้ามาในกระท่อมของเธอ กินอาหารของเธอ และทำลายเสบียงที่เหลือเกือบทั้งหมดในขณะที่เธอซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำกลางแจ้ง เธอถึงจุดแตกหัก เนื่องจากไม่มีไฟให้ความร้อนหรืออาหารกิน เธอจึงพยายามล่าสัตว์แต่ไม่สามารถยิงกวางที่อยู่ในเป้าหมายได้ เธอรู้สึกหมดหวังและพยายามฆ่าตัวตายด้วยการยิงตัวเองด้วยปืนไรเฟิลล่าสัตว์ แต่หยุดชะงักเมื่อเธอจำได้ว่าเอ็มมา น้องสาวของเธอขอร้องไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง ระหว่างพายุหิมะที่รุนแรง หลังคาโลหะของกระท่อมของเธอถูกพัดปลิวไปตามลม ทำให้เกิดเสียงดัง เธอออกจากกระท่อมเพื่อซ่อมแซมและได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถกลับเข้าไปข้างในได้ มิเกล นักล่าในพื้นที่และอลาวา เพื่อนพยาบาลของเขา ช่วยเธอไว้และช่วยให้เธอฟื้นตัว ในขณะที่เธอปฏิเสธที่จะจากไป มิเกลยังคงดูแลอีดีโดยเตรียมอาหารให้เธอ เติมฟืนให้เธอ และเติมของในกระท่อมที่เหลือ เอดีขอบคุณมิเกลสำหรับความเมตตาที่ช่วยเหลือเธอ แต่เธออธิบายว่าเธอมาที่กระท่อมของเธอเพื่ออยู่คนเดียวและต้องการให้เป็นแบบนั้นต่อไป เขาเข้าใจและเสนอที่จะช่วยเสริมทักษะเอาตัวรอดที่ดีขึ้นให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะได้ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวตามที่เธอต้องการ เขาแสดงให้เธอเห็นวิธีดักสัตว์ในฤดูหนาวและล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อหาอาหารกิน เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์ฉันท์มิตรในขณะที่มิเกลยังคงร่วมล่าสัตว์ เก็บเกี่ยวพืชผล และสำรวจดินแดนของเธอต่อไป
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Robin Wright / โรบิน ไรท์

Demián Bichir / เดเมียน บิเชียร์

ผู้กำกับ โรบิน ไรท์
รีวิวหนัง Land (2021) แดนก้าวผ่าน
Unseenthaisub
เรื่องราวของการค้นหาความหมายในชีวิตของอีดี้ (โรบิน ไรท์) ผู้หญิงคนหนึ่งในถิ่นทุรกันดารของอเมริกาอันกว้างใหญ่ หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เธอพบว่าตัวเองไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกที่เธอเคยรู้จัก และเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน เธอจึงได้กลับไปยังเทือกเขาร็อกกี้ที่งดงาม หลังจากนั้นเธอได้เจอกับนายพรานท้องถิ่น (เดเมียน บิชีร์) ที่ได้นำเธอกลับมาจากความตาย และเธอต้องหาทางกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง ความเห็น: เป็นเรื่องของคนที่เผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่เลยตัดขาดจากโลกภายนอกไปใช้ชีวิตอยู่บนเขา อยู่อย่างอมทุกข์ นึกถึงแต่ความทรงจำเก่าๆ ใช้ชีวิตโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นจะตายยังไง หนังพาไปให้รู้สึกอมทุกข์ตามท่ามกลางอากาศหนาวที่เย็นยะเยือก นางเอกเกือบตายไปในระหว่างนั้น โชคดีที่มีนายพรานมาช่วย แล้วโทนของหนังก็ดูเปลี่ยนไป ดูมีความหวัง สดใสขึ้น เข้ามาช่วยสอนนางเอกถึงวิธีใช้ชีวิตในป่า ได้พูดคุย สร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน มันเหมือนได้เยียวจิตใจไปด้วย ดูไปก็คิดว่าสองคนนี้จะมีซัมติงอะไรกันไหม ชีวิตคล้ายๆ กัน แล้วหนังก็มีจุดพลิกของเรื่องที่ทำให้นางเอกต้องตัดสินใจบางอย่าง พาไปพบกับบทสรุปของเรื่องที่คิดว่าแอบใจร้ายไปหน่อย แต่มันก็ได้ส่งผลกับนางเอกในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป
หมื่นทิพ
ยามที่คนเราเดินทางไกลไปไหนสักแห่ง หากไม่ใช่ไปเพื่อหาบางสิ่ง ก็อาจไปเพื่อหนีจากบางอย่าง… หลังจาก อีดี้ (Robin Wright) ประสบกับเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต เธอรู้สึกหมดอาลัยต่อทุกสิ่ง และตัดสินใจย้ายไปอยู่ในกระท่อมกลางป่าที่ห่างไกลจากผู้คน เธออยู่ที่นั่นเพียงลำพังจนร่างกายเริ่มจะรับไม่ไหวกับสภาพแวดล้อมที่เธอไม่คุ้นเคย และอันที่จริงแล้ว เธอก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมเหมือนกัน… แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้พบกับ มิเกล (Demián Bichir) นายพรานที่ผ่านไปยังกระท่อมแถบนั้นพอดี และนั่นล่ะครับที่นำพาอีดี้ไปสู่จุดเริ่มต้นของการตั้งหลักชีวิตใหม่อีกครั้ง นอกจากแสดงนำแล้ว Wright ยังสำแดงฝีมือในการกำกับเป็นครั้งแรกครับ และผลที่ได้ถือว่าน่าพอใจทีเดียว โอเคครับ หนังอาจไม่ถึงกับสุดยอด แต่พูดได้เต็มปากว่าหนังเรื่องนี้มีดีน่าดู อย่างผมนี่ดูแล้วยังกะว่าถ้ามีโอกาสต้องขอเก็บอีกสักรอบ สิ่งแรกที่ประทับใจผมขอยกให้ภาพป่าเขาลำเนาไพร ทิวทัศน์สวยๆ ที่มีให้ชมตลอดตั้งแต่ต้นจนจบครับ ยอมรับเลยว่าสวยสบายตา ได้ใจมากๆ (หนังถ่ายทำกันทีรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดาครับ – แถบนั้นธรรมชาติสุดยอด ยามเขียวก็เขียวชอุ่ม ยามใบไม้เปลี่ยนสีก็เหมือนมีคนเอาสีเหลืองไปแต้มแถบนั้น ไล่สีเรียงกันงดงามมาก) แล้วภาพสวยๆ ยังถูกขับเน้นด้วยดนตรีทำนองคันทรี่กรุ่นกลิ่นอายแห่งป่าเขาจากฝีมือของคอมโพเซอร์ Ben Sollee และวง Time for Three ที่ร่วมกันสรรสร้างดนตรีออกมาได้อย่างพอเหมาะครับ ท่วงทำนองแต่ละบทเพลงล้วนเข้ากับภาพธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง – ระหว่างดูนี่ผมรู้สึกเลยครับว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายด้วยภาพสวยๆ และดนตรีอันไพเราะ
ช่วงต้นของหนังอาจจะหนักทางความรู้สึกสักหน่อยครับ หนังพาเราไปร่วมรับรู้ความปวดร้าวของอีดี้ คือเราจะยังไม่รู้อย่างแน่ชัดครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ รู้เพียงเลาๆ ว่าเธอสูญเสียคนที่รักไป และเธอรู้สึกหมดอาลัยตายอยากจากเหตุการณ์นั้น แต่แม้เราจะไม่ทราบเรื่องราว ทว่าด้วยการแสดงของ Wright และจังหวะการกำกับของเธอ มันสามารถถ่ายทอดความรู้สึก “โลกทลาย” ของอิดี้ให้เราได้สัมผัสครับ จนเราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ตามเธอไปด้วย แล้วพอผ่านช่วงแรกไปเราก็จะเริ่มสัมผัสได้ถึงความหวังและการเริ่มต้นเมื่ออีดี้ได้พบเจอกับมิเกล – ผมชอบที่ช่วงตอนนี้หนังถ่ายทอดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ว่าพออีดี้เจอมิเกลแล้วเธอจะรู้สึกดีทันที ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ เธอยังคงปวดร้าวอยู่ และเธอไม่อยากยุ่งกับใคร แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษและเปี่ยมน้ำใจของมิเกลที่ค่อยๆ ช่วยเธอให้สามารถประคองตัวตนขึ้นมาอีกครั้งได้ ผมชอบมิเกลครับ ชอบวิธีการที่เขาประคองอีดี้ให้เธอลุกขึ้นทีละนิด เขาช่วยเหลือเธอบนความเข้าใจ ช่วยเธอแบบเอาใจเธอมาใส่ใจเขา อีกทั้งยังรู้จักเว้น Space ให้เธอมีพื้นที่ของตนเอง ค่อยๆ กอบรวมตัวตนที่แตกสลายของเธอให้คืนกลับมาตามความพร้อมของสภาพจิตใจ – มันเป็นอะไรที่น่ารักมากๆ และดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว อีดี้จะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง – Bichir ก็แสดงได้ดีมากจริงๆ ยิ่งช่วงท้ายนี่ทำเอาผมน้ำตาซึมเลยเหมือนกัน