ดูหนัง Solids by the Seashore (2023) ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย
ถึงปานกลาง ชาตี หญิงสาวชาวมุสลิมที่กำลังเผชิญกับความกดดันจากครอบครัวซึ่งอยากให้แต่งงานได้พบกับ ‘ฝน’ ศิลปินสาวผู้เดินทางลงใต้มาเพื่อจัดนิทรรศการศิลปะว่าด้วยเขื่อนหินกันคลื่น ท่ามกลางเสียงคลื่นที่กัดเซาะหาดทราย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้นำพาชาตีไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Ilada Pitsuwan
Rawipa Srisanguan รวิภา ศรีสงวน
Khalid Midam / คาลิด มิดัม
ผู้กำกับ ปฏิภาณ บุญทริก
รีวิวหนัง Solids by the Seashore (2023) ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง
10/10 อภิชัย-20184
เรื่องราวที่สวยงามและภาพที่น่าทึ่ง ภาพยนตร์ที่ผสมผสานศิลปะ สารคดี และความงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัว เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างสองสาวนั้นมีความสมจริงมาก ไม่ได้มีความใกล้ชิดมากเกินไปแต่ยังคงมีความรู้สึกพิเศษแฝงอยู่ มากกว่าเพื่อน กำลังจะได้เดินทางกลับไปฉายที่ประเทศฝรั่งเศสอีกครั้ง ในเทศกาล Festival CinéPride ที่เมือง Nantes ในวันที่ 28 มิถุนานี้ เวลา 14.15 💙ขอบคุณเพจ Genderation ที่พูดถึงหนังของพวกเรา 💙🌊 สำหรับผู้ชมในประเทศที่สนใจ ยังสามารถรับชมได้ในวันเสาร์ที่ 21 ที่จังหวัดลพบุรี สามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง ลพรามา กิจกรรมรอบฉายพิเศษที่เชียงราย
เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรมชมภาพยนตร์ ผลงานของผู้กำกับมือรางวัลอย่างคุณอิฐ ปฏิภาณ บุณฑริก ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เชียงราย จัดโดย Chiang Rai Film Club เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น vibe ที่ดีทีเดียว ในฐานะทีมงานของ Genderation และคนเชียงรายที่ได้มีโอกาสร่วมชมภาพยนตร์ดีกรีรางวัล LG OLED New Currents Award และ รางวัล NETPAC Award รางวัลอิสระจากสมาคมส่งเสริมภาพยนตร์เอเชีย (NETPAC) จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซานครั้งที่ 28 แล้วมีโอกาสตระเวนฉายหลายประเทศและในขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หาดูได้ยากสำหรับบ้านเราอยู่เหมือนกันนะกลับมาที่ตัวภาพยนตร์ – ถ้าคุณมีโอกาสเลือกกำหนดชีวิตตัวเองได้คุณจะเลือกสิ่งใด ระหว่างทำตามใจตัวเอง หรือ จำนนสมยอมทำตามทำเนียมความเชื่อในสิ่งที่ครอบครัวคิดไว้ว่าดี แน่นอนคุณอาจเลือกอย่างแรก แต่ทว่าตัวละครที่ชื่อว่า “ชาตี” หญิงสาวชาวมุสลิมในเรื่องนี้กลับไม่มีโอกาสได้เลือกดั่งที่ใจเธอปรารถนาจริงๆ
แตกต่างไปจาก “ฝน” ตัวละครที่ประหนึ่งเป็นตัวแทนของความอิสระ เงาของปรารถนาที่ชาตีใฝ่ฝันว่าอยากจะมีชีวิตปราศจากพันธนาการแบบนั้นดูสักครั้ง แต่ชีวิตของฝนเองเธอก็มีโจทย์ยากปรากฏเป็นรูปเงาของคนในอดีตที่เธอพยายามจะหลีกเร้นหลบหนี ซึ่งเมื่อตัวละครทั้งสอง ดำเนินอยู่ในเรื่องเดียวกัน และปรากฏอยู่ด้วยกันในแทบทุกฉาก ทำให้เราในฐานะคนดูได้สัมผัสข้อความบางอย่างจากความต่างที่ตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการส่งเสียงสะท้อนออกมาในฐานะมนุษย์ผู้หญิงที่ต่างมีความใฝ่ฝัน และเงื่อนไขชีวิตที่แตกต่างกันแต่สิ่งที่น่าสนใจเรื่องนี้มากกว่าเรื่องความสัมพันธ์ มันได้แตะในหลายประเด็นนอกจากจากประเพณี ยังมีเรื่องสิ่งแวดล้อม การเมืองท้องถิ่น การสร้างเขื่อนหินกันคลื่นริมฝั่ง สงขลา การแต่งงานแบบคลุมถุงชนในวัฒนธรรมอิสลาม การที่ศิลปินหญิงพยายามหนี
จากอิทธิพลของศิลปินชายรุ่นพี่ และความสัมพันธ์ชิดใกล้ระหว่างหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่มีคำตอบของความสัมพันธ์อย่างชัดเจนราวกับเป็นการทิ้งคำถามปลายเปิดในตอนสุดท้ายของเรื่อง มีการนำเสนอทรายในเชิงสัญลักษณ์ในเรื่องบ่อยๆ ทั้งในผลงานศิลปะ การพ่นทรายกลับไปยังตัวกระจกเงาบานเดิม รวมถึงทรายต่างถิ่นที่ถูกนำมาทับถมเพื่อป้องกันการกัดเซาะของคลื่นที่ริมหาดราวกับเป็นนัยยะบางอย่างที่ให้คนดูอย่างเรากลับมาคิดต่อ ที่สำคัญอยากบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ภาพในการเล่าเรื่องด้วยสวยงามหมดจดมาก มีความนามธรรมแต่จับต้องได้ แล้วดำเนินเรื่องนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เปิดเผยให้คนดูได้ซึมซับอย่างไม่เร่งรีบ
นอกจากนี้หลังจากที่ภาพยนตร์ขึ้น End credit ช่วง ช่วง Q&A กับคุณกนกพร บุญธรรมเจริญ เรายังได้มีโอกาสทราบว่าทางคุณอิฐ ผู้กำกับ ปฏิภาณ บุณฑริก ได้ใช้เวลาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นระยะเวลาเกือบสิบปี เริ่มลงพื้นที่ จ.สงขลาในปี 2012-2013 เพื่อสำรวจประเด็นดังกล่าว ก่อนจะขมวดรวมเรื่องราวในภาพยนตร์พร้อมฉายในปี 2023 เพื่อสะท้อนผลกระทบของโครงสร้างมนุษย์ที่มีต่อธรรมชาติและชีวิตคนในชุมชน พร้อมเปรียบเทียบกับกำแพงในใจมนุษย์ที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องแต่กลับกัดเซาะตัวเอง