ดูหนัง Emergency Declaration (2022) ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ
เหตุการณ์สุดระทึกบนเที่ยวบิน KI 501 ซึ่งจะเดินทางจากกรุงโซลสู่ฮาวาย หลังจากที่เครื่องบินขึ้นสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่าสองหมื่นฟุต กลับมีผู้โดยสารเสียชีวิตปริศนา ท่ามกลางความวุ่นวายและโกลาหล กัปตันจึงขอลงจอดฉุกเฉิน แต่ทว่าภาคพื้นดินได้มีคำสั่งแจ้งกลับมาว่า เที่ยงบินลำนี้ไม่อนุญาตให้ลงจอดที่ไหนบนโลกใบนี้ อะไรคือคำตอบของเหตุการณ์นี้ บนเครื่องบินลำนี้เกิดเหตุการณ์ “บางอย่าง” ขึ้น และ “บางอย่าง” ที่ว่า มันคืออะไรกันแน่?
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
ผู้กำกับ Han Jae-rim
รีวิวหนัง
ekka_eak
[CR] [#Review] Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรก ชีวะ – งานดีจริงจัง ลุ้นระทึกแบบแนะนำว่าต้องดู
✈️✈️✈️
เป็นที่พูดถึงกันเยอะมากกับหนังเกาหลีเรื่องนี้ที่แทบจะทุกเสียงการันตีเลยว่าดี หนังออกโรงไปสักพักแล้ว ไม่แน่ใจว่ามีเข้าฉายทาง Streaming หรือยัง แต่ด้วยหนังมันค่อนข้างยาว สองชั่วโมงกว่าๆ เลยทำให้ช่วที่หนังฉายผมไม่ได้ดูในโรง แต่พอได้มาดูด้วยตัวเองก็รู้สึกเลยว่า ตอนนั้นไม่น่าพลาดดูในโรงเลย ถ้าได้ดูน่าจะประทับใจมากกว่านี้
✈️✈️✈️
หนังเล่าเรื่องราวหายนะครั้งใหญ่บนเที่ยวบินนรกจากกรุงโซลสู่ฮาวาย เมื่อหนึ่งในผู้โดยสารเกิดเสียชีวิตอย่างปริศนาบนความสูงกว่าหมื่นฟุต ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งลำ กัปตันจึงต้องประกาศเหตุฉุกเฉินและขอลงจอดกะทันหัน แต่การขอลงจอดครั้งนี้ยากกว่าที่คิด ด้วยความสูงและความเร็วที่ไม่สามารถควบคุมได้จึงต้องเดิมพันด้วยความเป็นและความตายของลูกเรือและผู้โดยสารทั้งลำ โดยไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหายนะจากเที่ยวบินนี้จะทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นนรก!
✈️✈️✈️
หนังเปิดมาก็มีกลิ่นความลึกลับให้ลุ้นกันแล้วตั้งแต่ยังไม่ on board หนังเล่าเรื่องแตะไปที่ตัวละครแต่ละตัว แต่ไม่ได้ลงลึกมากเพื่อคนดูให้รู้ว่าตัวละครตัวไหนมีเหตุผลอะไรที่จะเข้ามาเกี่ยวโยงกับแกนหลักของเรื่องราวที่หนังจะเล่า และในแต่ละตัวละครที่หนังพูดถึง ก็ถูกรับบทด้วยดาราตัวพ่อตัวยิ้มของวงการหนังเกาหลีทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นหนังที่รวมนักแสดงชื่อดังของเกาหลีมาไว้ในหนังเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย ✈️✈️✈️
✈️✈️✈️
ตัวเนื้อหาหนังหลักๆ จริงๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย แต่สิ่งที่หนังใส่เข้าไปคือความลุ้นระทึก สถานการณ์ที่บีบบังคับทั้งการกระทำที่เกิดจากการถูกสถานการณ์บีบคั้น การตัดสินใจที่ต้องเลือกโดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือก หรือแม้แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งก้มหน้ายอมรับไป หนังทำออกมาได้บีบหัวใจคนดูเอามากๆ ซึ่งนอกจากจะได้ลุ้นระทึกแล้ว ยังได้ความอึดอัดและความหดหู่เพิ่มเข้ามาด้วย
✈️✈️✈️
และสถานการณ์ที่หนังใส่เข้ามาแต่ละอย่าง ถึงมันจะไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่แปลกใหม่ไปกว่าที่เคยมี แต่มันก็สามารถทำให้คนดูนั่งลุ้นตูดไม่ติดเบาะได้เลย บางช่วงบางตอนดูแล้วเราต้องมานั่งคิดว่า ถ้าเราเจอสถานการณ์เดียวกันแบบนี้ เราจะแก้ไขยังไงได้บ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจะตึงเครียดและกดดันอย่างหนัก โดยหนังแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนของคนบนเครื่องที่ต้องตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่างเหมือนคนตาบอดหูหนวก กับคนบนภาคพื้นที่มีข้อมูลครบแต่ทำอะไรแทบไม่ได้เลย เหมือนคนไม่มีแขนขา
✈️✈️✈️
แต่สุดท้ายแล้วหนังก็จัดการคนดูอยู่หมัดและสรุปเรื่องราวได้เรียกว่าดีมากๆ ที่สำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกคือ แทบจะไม่มีฉากดราม่าเข้ามาในเรื่องให้ยืดเยื้อเลย อาจจะมีเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ได้มีเท่ากับเรื่องอื่นที่เคยเห็น ทำให้ตลอดสองชั่วโมงกว่าๆ ของหนังเป็นอะไรที่ดูแล้วลุ้นจนลืมความยาวของหนังไปเลย
N.p. ไม่เผยนาม
[รีวิวหนังเกาหลี] Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรก ชีวะ เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบิน!.
.
ลองคิดดูเล่นๆว่าถ้าตัวร้ายอย่างโจ๊กเกอร์นึกคึกมาป่วนเครื่องบินด้วยไวรัส มันจะเป็นอย่างไร?
.
อารมณ์แบบ ฉันไม่กราดยิงตายหมู่ หรือวางบอมป์ใครอะไรทั้งนั้น แต่รอบนี้ การก่ออาชญากรรมจะมีอารมณ์คล้ายๆหนังลุ้นระทึกแบบCaptain Phillips แต่เกิดเหตุบนเครื่องบิน ผสมหนังโรคระบาดแบบ Contagion แล้วเล่าในสไตล์หนังเกาหลี
.
.
ผลคือ เดือดมาก ดูจบมีเหนื่อยกันไปข้างเลยทีเดียว
การดูเรื่องนี้ในโรงคือฉากบนเครื่องบินมิกซ์เสียงกันโคตรดี
ได้อารมณ์เป็นน้องๆหนังแบบ Top Gun เลย
.
นักแสดงอย่างซงคังโฮ เล่นจัดเต็มอีกแล้ว
แต่อีกคนที่เล่นดีไม่แพ้กันคือ อีบยองฮอน
ซึ่งรอบนี้แกดูมาดคล้ายไรอัน กอสลิ่งผสมทอม ครูซมาก
แต่ถามว่าอินเท่าบทของกงยูใน Train to Busan ไหม ก็อาจจะยังไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะเรื่องนี้กำกับดราม่ายังไม่สุด แต่ต้องยอมรับว่ากำกับแอ๊คชั่น เขาทำเดือดจริงอะไรจริง
.
ก่อนดูมีแต่คนรีวิวว่า เรื่องนี้คือ เป็นหนังเกาหลีบล๊อกบัสเตอร์ตื่นเต้นสุดนับจากTrain to Busanเลย ซึ่งจะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด หนังมีรสชาติดุเดือด ระทึกใจ มีหลายซีนบนเครื่องที่โคตรหวาดเสียว แถมมีประเด็นเกี่ยวกับไวรัสด้วยที่ดูแล้วความรุนแรงของมันอาจทำโควิดชิดซ้ายได้ทีเดียว
.
กระนั้น หากเทียบกับ Train to Busan
หรือแม้แต่ Along with the Gods (ภาคแรก)
สำหรับเรา หนังเรื่องนี้ยังอิมแพคนั่งในใจไม่ถึงเลเวล2เรื่องนั้น แต่ในแง่ความดีงามของมัน รวมถึงประเด็นการเมือง + นักการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เราว่าหนังเล่าตัดสลับหลายเหตุการณ์ หลายตัวละคร และเราไม่รู้สึกติดกับมันเลย ถึงแม้ว่าสุดท้ายตัวหนังค่อนข้างเดินตามสูตร Hollywood Stucture แบบเดาไม่ยากนักก็ตาม
.
.
Anyway หนังอาจเครื่องติดช้ากว่าTrain to Busan
แต่เครื่องติดเมื่อไหร่ มันส์เดือดเลือดพล่านแน่นอน!!