ดูหนัง Ashfall (2019) นรกล้างเมือง
เรื่องราวเมื่อภูเขาไฟเพ็กตูที่สูงที่สุดในเกาหลีเกิดปะทุขึ้นนำไปสู่ภัยพิบัติสั่นสะเทือนแผ่นดินเกาหลีเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด เกิดวิบัติไปทั้งกรุงโซลและกรุงเปียงยาง เพื่อรับมือกับหายนะครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดชาวเกาหลีใต้ (ฮา จองอู) จึงต้องร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่พิเศษชาวเกาหลีเหนือ (อี บยองฮอน) และ นักธรณีวิทยาอันดับหนึ่งของประเทศ (มา ดงซอก) เพื่อหยุดยั้งเหตุวินาศที่อาจจะทำให้เกาหลีหายไปจากแผนที่โลก
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
ผู้กำกับ
- Lee Hae-jun
- Kim Byung-seo
รีวิวหนัง
[SR] Movie Review : Ashfall – นรกล้างเมือง (8/10)
(Dir. Lee Hae-jun , Kim Byung-seo / 2020)
SCORE : 8/10
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อภัยพิบัติสั่นสะเทือนแผ่นดินเกาหลีเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อภูเขาไฟเพ็กตูที่สูงที่สุดในเกาหลีเกิดปะทุขึ้นส่งขี้เถ้าขึ้นไปสูงถึงชั้นบรรยากาศ เกิดวิบัติไปทั้งกรุงโซลและกรุงเปียงยาง เพื่อรับมือกับหายนะครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดชาวเกาหลีใต้ ต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พิเศษชาวเกาหลีเหนือ และนักธรณีวิทยาอันดับหนึ่งของประเทศ เพื่อหยุดยั้งเหตุวินาศที่อาจจะทำให้เกาหลีหายไปจากแผนที่โลก
.
หนังเกาหลีคุณภาพเรื่องแรกประเดิมปี 2020 ที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอยมากๆ จริงๆ แค่ชื่อทีมสร้างก็การันตีคุณภาพระดับหนึ่งได้แล้วแหละ ไหนจะชื่อผู้กำกับและผลงานเรื่องก่อนๆ ซึ่งพอหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยทีมงานคุณภาพ การออกแบบงานสร้างของมันเลยยิ่งใหญ่และอลังการ อาจจะไม่ได้ดีเวอร์วังไปทั้งหมด แต่ในแง่ของการที่ตัวหนังถูกสร้างโดยคนเอเชีย นั่นจึงทำให้เราประทับใจสุดๆ เลย
.
หน้าหนังคือหนังภัยพิบัติ ที่อัดแน่นไปด้วยความบันเทิงแบบไม่หยุดหย่อน ถาโถมมาด้วยปัญหาต่างๆ ที่ยากจะคาดเดา และมาบ่อยมากจนไม่ให้หยุดพัก แต่ทั้งนั้น ตัวหนังก็ยังมีช่วงผ่อนคลายที่แฝงไปด้วยมุกตลกและรายละเอียดยิบย่อยของตัวละคร ที่ดึงให้เรารู้สึกสนุก สนใจ และอยู่กับหนังได้ตลอด ซึ่งมันเป็นโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ดีมากๆ หนังเล่าเรื่องได้ครบทุกรสชาติ ถึงแม้มุกตลกในหนังจะมีขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง ทำให้น่ารำคาญไปนิด แต่ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ตัวหนังเลือกหยิบมาเล่น ก็เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมมากๆ แล้วแหละ
.
แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้ไม่ได้โดดเด่นในแง่ของความเป็นหนังภัยพิบัติ 100% แต่กลับเป็นหนังที่พูดถึงเรื่องราวของกลุ่มคนที่ต้องเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติมากกว่า แรงจูงใจในการหยุดยั้งภัยพิบัติจึงแตกต่างกับหนังในแนวเดียวกันของโซนเมกา ซึ่งจุดแข็งหลักของหนังเกาหลีคือการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คน เราจะได้พบกับเส้นเรื่องที่หลากหลาย ทุกเส้นเรื่องมีเรื่องราวในตัวมันเองที่น่าสนใจ ทั้งความสัมพันธ์ของตัวละคร เรื่องราวเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยดราม่าเรียกน้ำตาตามสไตล์หนังเกาหลี ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เล่าออกมาได้ดีมากๆ
.
สถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติภายในเรื่องทำให้ผู้คนเกิดการแตกแยกทางความคิด แต่ในขณะเดียวกัน การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การเข้าใจคนอื่น และรับฟังความคิดเห็นก็เกิดขึ้นมาในเวลาพร้อมกัน เราจะได้เห็นการร่วมแรงร่วมใจโดยมีจุดร่วมไม่ใช่เพื่อการหยุดยั้ง หากแต่เป็นเพียง “การทำเพื่อคนที่เรารัก” นั่นจึงทำให้ภายในความมันส์และเรื่องราวอันร้อนระอุ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามอยู่ตลอดเวลา (การเมืองภายในเรื่องก็น่าสนใจ แต่หนังไม่ได้ชูเรื่องนั้นเท่าที่ควร)
.
ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะดูดีในแง่ของโครงสร้างบทเกือบ 100% แต่ในพาร์ทการเล่าเรื่องที่ถูกถ่ายทอดออกมา หนังมีการเล่าเรื่องที่รวดเร็ว กระซับ แต่เราไม่แน่ใจว่ามันกระซับมากเกินไป จนผู้สร้างตกหล่นในรายละเอียดของความสมจริงบางอย่างหรือเปล่า มีหลายซีนที่เรารู้สึกเหวอ เพราะมันกระโดดแบบไม่มีเหตุผลมารองรับ (ไม่แน่ใจว่าโดนตัดทิ้งทั้งซีนเลยไหม แต่เจอแบบนี้หลายรอบมาก หากมองในแง่ของการตัดต่อที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่) อีกทั้งงานสร้าง CGi ในบางช่วงที่มีความเวอร์ในการเล่าเรื่องที่อยากจะออกแบบซีนขายให้คนดูซื้อ (ซึ่งจะมาขัดกับตัวละครในภายหนัง) เลยทำให้มันดูลอยและไม่เนียน (ทั้งที่ซีนภัยพิบัติส่วนใหญ่ทำออกมาดีมากๆ)
.
ในภาพรวมก็ต้องยอมรับแหละ ว่าเป็นหนังเกาหลีที่คุ้มค่าแก่การรอคอย เพราะมันอัดแน่นไปด้วยความบันเทิงแบบเต็มสูบจริงๆ หากใครที่ชอบโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ Along with the Gods เราเชื่อว่าคุณก็จะต้องชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน .
Neurologist P
[คุยหนังวันยหุด] Ashfall นรกล้างเมือง
หนังภัยพิบัติฟอร์มยักษ์ของเกาหลี ทำไม CG มันถึงเป็นแบบนี้…..ใจเย็นครับ……หนังใช้ทุนสร้างไป 18 ล้าน USD ….. เทียบกับ train to busan 8.5 ล้าน USD exit 10 ล้าน USD , parasite 11 ล้าน USD….เทียบกับหนังฝรั่งกันบ้างอย่าง Pompeii ไฟนรกถล่มปอมเปอี นั่นใช้ทุนถึง 150 ล้าน USD เลยนะ….ไม่ต้องพูดถึงระดับ 2012 ที่ทุนสร้างปาไป 200 กว่าล้าน USD…..*** แต่หนังเรื่องนี้มันสเกลใหญ่กว่าต้นทุนไปมากนะผมว่า
หนังจะเล่าถึงภัยพิบัติจากการระเบิดของภูเขาไฟเพ็กตู ในเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของคาบสมุทรเกาหลีที่เคยระเบิดมาแล้ว 2-3 ครั้ง และกำลังจะระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง…..หนังเล่าเรื่องผ่านภารกิจที่จะต้องไปหยุดหายนะที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้
ผลงานกำกับฯ ของ อี ฮเยจุน (เคยกำกับ Like a Virgin,Castaway on the moon, My dictator) และ คิม บยองซู (Along with the gods)…..ส่วนตัวยังคิดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างในภัยพิบัติให้ดูดี คือ บท กับ CG จะต้องดีจริงๆ มันถึงจะดึงให้เรารู้สึกสนุกและอินกับมันได้…..บางเรื่อง บทดี CG ไม่ดี กลับกัน บางเรื่อง CG ดี บทไม่ดี ….. อย่างที่บอกไปข้างต้น เทียบทุนสร้างกับสเกลหนังแล้วผมว่าน้อยไปเยอะ…..เอาจริงๆ ถ้าไม่ไปเปรียบเทียบกับทาง Hollywood ฝั่งเมกาเค้า ส่วนตัวผมพอให้ผ่านนะทั้งบทกับ CG (แม้บางฉากจะลอยเด่นไปบ้าง ควันกับน้ำยังไม่ถึงขั้น hollywood)…..เนื้อเรื่องก็พอดูได้เพลิน แต่เหมือนจะอัดประเด็นและเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาเยอะเกินจนรู้สึกมันเหนือยๆ โดยเฉพาะช่วงกลาง ……บทตัวละคร กับ นักแสดง ผมถือว่าดี ดาราระดับแม่เหล็กอย่าง อีบยองฮอน (shadow strom GI JOE), มาดงซอก (สามี train to busan), ฮาจองอู (Along with the gods)และ ซูจี (series vagabond) ปล. ผมก็ไม่ค่อยรู้จักหรอกครับ แต่ผมว่าโดยรวมแล้วถือว่าแสดงดีเลยทีเดียว ทำให้ดึงอารมณ์หนังขึ้นมาได้ระดับนึงเลยทีเดียว
สรุป เป็นหนังภัยพิบัติที่ดูได้เรื่อยๆ หนังใส่ประเด็นดราม่าระหว่างครอบครัว เชื้อชาติ และ แอคชั่นระดับหนึ่ง ….. แม้จะไม่สุดสักอย่าง แม้จะมีช่วงเหนือยและอีเว้นที่เยอะไปหน่อย แต่นักแสดงสามารถดึงอารมณ์หนังได้ดี โดยรวมก็ถือว่าดูสนุก ลุ้นได้
หมาเเกะหนัง
Ashfall 7.2
เทียบกับ exit ปีที่แล้ว ผมให้ 8.4
รีวิวหนังจากโรง (หนังภัยพิบัติสไตล์เกาหลี)
(ไม่สปอยล์)
ความยาว: 130 นาที
ประเภท: เเอ็คชั่น/ ดราม่า/ ภัยพิบัติ
ผู้กำกับ: คิม บยองซอ/ อี เฮจุน
ภูเขาเพ็กตูคือหนึ่งในภูเขาไฟที่อยู่ระหว่างชายเเดนเกาหลีเหนือกับจีน เเล้วครั้งสุดท้ายที่เกิดการปะทุขึ้นของภูเขาไฟนี้เกิดขึ้นในปี1903
เรื่องย่อ: เมื่อภูเขาไฟเพ็กตูเกิดปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งชาติเกาหลีจึงต้องหาทางเเก้ไขปัญหานี้โดยด่วน
รีวิว: ผมการันตีได้เลยว่าคุณจะรู้สึกตื่นตากับซีจีที่ก้าวหน้าไปไกลเเล้วของบ้านเขา เเม้จะมีบางจุดที่ลอย เเต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอยู่ สิ่งที่เป็นจุดด้อยก็คือความตลกของหนังที่ลดทอนความตึงเครียดของเรื่องราวลง เเละบางอย่างที่อาจจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล สิ่งที่ดี คือฉากเเอ็คชั่น เเละฉากบ้านเมืองวินาศที่ทำได้อลังการเเละมันส์ถึงใจ รวมเเล้วนี่อาจจะไม่ใช่หนังเกาหลีขึ้นหิ้ง เเต่เป็นหนังป็อปคอร์นที่ดูได้เพลินๆ
+:
– ฉากเเอ็คชั่นเเละฉากบ้านเมืองที่วินาศก็ทำได้อลังการเเละลุ้นตาม
– เล่าเพลินตลอดทั้งเรื่อง
– นักเเสดงเข้ากับบทบาทมาก
– ฉากดราม่าก็ทำได้ดีตามมาตรฐานหนังเกาหลี
– ดนตรีประกอบเน้นได้ถูกจุด
-:
– มุกตลกเยอะไปหน่อยทำให้ลดทอนความกดดัน
– ซีจีบางฉากเเอบลอยนิดหน่อย
– บทค่อนข้างสูตรสำเร็จไปหน่อย
เอาไป 7.5/10