Amanda Tilson อแมนดา ทิลสัน

ผลงานภาพยนตร์

ดูหนัง The Greatest Game Ever Played (2005) เกมยิ่งใหญ่ ชัยชนะเหนือความฝัน

ชัยชนะเหนืออุปสรรคทุกสิ่งเรื่องนี้ คืออีกหนึ่งผลงานเรื่องเยี่ยมโดนใจผู้ชมจากวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ นักกอล์ฟมือสมัครเล่นนาม ฟรานซิส ออยเม็ท (ชิอา ลาบิออฟ – Holes I, Robot) คือหนุ่มน้อยผู้มีเพียงพรสวรรค์และความฝันเป็นทุนในการประลองกับเหล่าผู้เล่นยอดฝีมือระดับโลก ใน ที่เป็นสุดยอดของกีฬากอล์ฟ ท่ามกลางความยากลำบากและการก้าวไปสู่ชีวิตที่เพียบพร้อม เด็กหนุ่มชนชั้นกลางผู้นี้ไขว่คว้าสู่ชัยชนะที่สำแดงออกมาด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง ฝีมืออันน่าทึ่ง และความมุ่งมั่นที่ยากจะทำลาย นี่คือผลงานกำกับของนักแสดงชื่อดัง บิล แพ็กซ์ตัน

ในฐานะนักกอล์ฟเพื่อการพักผ่อนที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกีฬากอล์ฟในระดับหนึ่ง ฉันรู้สึกยินดีที่ดิสนีย์มีความอ่อนไหวต่อประเด็นเรื่องชนชั้นในวงการกอล์ฟในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้ทางจิตวิทยาที่แฮร์รี วาร์ดอนต้องเผชิญภายในตัวได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ความบอบช้ำในวัยเด็กจากการถูกไล่ออก ไปจนถึงความไม่สามารถทำลายเพดานกระจกที่ขัดขวางไม่ให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะคนเท่าเทียมกันในสังคมกอล์ฟของอังกฤษ ในทำนองเดียวกัน โออิเมต์หนุ่มก็ต้องผ่านการต่อสู้ทางชนชั้นเช่นเดียวกัน โดยเป็นเพียงแคดดี้ในสายตาของชนชั้นสูง

ชาวอเมริกันที่ดูถูกความพยายามของเขาที่จะก้าวข้ามสถานะของตนเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือการที่ธีมเรื่องชนชั้นนี้ปรากฏอยู่ในตัวละครพ่อแม่ของโออิเมต์ พ่อของเขาเป็นคนงานชนชั้นแรงงานที่เห็นคุณค่าของการทำงานหนักแต่รู้สึกหวาดกลัวชนชั้นสูง อย่างไรก็ตาม แม่ของเขาเห็นถึงพรสวรรค์และความปรารถนาของลูกชาย และสนับสนุนให้เขาไล่ตามความฝันในการแข่งขันกับผู้ที่คิดว่าเขาด้อยกว่า

ในที่สุด ฉากกอล์ฟก็ถ่ายออกมาได้อย่างดี แม้ว่าสนามที่ใช้ในภาพยนตร์จะไม่ใช่สถานที่จริงของการแข่งขันประวัติศาสตร์ แต่การละเลยเล็กๆ น้อยๆ ของดิสนีย์ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามของภาพยนตร์ลดลง มีช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของดิสนีย์ที่โต๊ะพูล มิฉะนั้น ผู้ชมจะไม่ได้คิดถึงดิสนีย์จริงๆ ตอนจบ เช่นเดียวกับใน ไม่ใช่ผลงานสร้างสรรค์ของดิสนีย์ แต่เป็นผลงานที่ประวัติศาสตร์มนุษย์เท่านั้นที่จะเขียนขึ้นได้

An Amish Murder 2013

ภาพยนตร์โทรทัศน์ความยาว 90 นาทีเรื่องนี้มีฉากอยู่ที่เมืองเพนเตอร์สมิลล์ รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นเมืองสมมติในเขตแดนของชาวอามิชในปัจจุบัน โดยดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง “Sworn to Silence” ที่เขียนโดยลินดา คาสติลโลในปี 2009 “Sworn to Silence” เป็นนวนิยายเรื่องแรกในชุด “Kate Burkholder” ที่เขียนโดยคาสติลโล

Kate Burkholder (เนฟ แคมป์เบลล์) เป็นหัวหน้าตำรวจคนใหม่ของกองกำลังขนาดเล็กของเพนเตอร์สมิลล์ Kate เติบโตมาในครอบครัวชาวอามิชในสังกัด Old Order แต่ลาออกเมื่ออายุ 18 ปีด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่ชัดเจน เธอได้เป็นตำรวจหญิงและนักสืบในเมืองคลีฟแลนด์ และกลับมาที่นี่อีกครั้งหลังจาก 17 ปี แม้ว่าเรื่องนี้จะฟังดูเหมาะสมดีเพราะเธอรู้จักชาวเพนซิลเวเนียดัตช์และชุมชนชาวอามิชในท้องถิ่น แต่เธอกลับถูกห้ามและขับไล่เพราะออกจากชุมชนชาวอามิช ดังนั้น จึงไม่มีใครในเขตชาวอามิชควรพูดคุยกับเธอ

เด็กสาวชาวอามิชถูกพบถูกฆาตกรรมในทุ่งนาของชาวอามิช เหยื่อถูกทำร้ายร่างกายในลักษณะที่ชวนให้นึกถึงฆาตกรต่อเนื่องที่เคยอยู่ในชุมชนเมื่อ 16 ปีก่อน เมื่อเด็กสาวที่ไม่ใช่ชาวอามิช 5 คนถูกฆ่า เราได้เรียนรู้ในไม่ช้าว่าเคทสงสัยว่าฆาตกรคือแดเนียล แลปป์ ชายชาวอามิชที่ดูเหมือนจะเสียชีวิตภายใต้สถานการณ์ลึกลับ และดูเหมือนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่เคทออกจากชุมชน แต่เคทสงสัยว่าเขาเสียชีวิตจริงหรือไม่

ภาพยนตร์เรื่องนี้แนะนำให้เรารู้จักกับตัวละครต่างๆ เช่น นายกเทศมนตรีออกกี้ บร็อค (ดูเอน เมอร์เรย์) ผู้คอยขัดขวางเคทและไล่เธอออกในบางจุด ลูคัส โฮลสต์ (จิลอน แวนโอเวอร์) อดีตแฟนชาวอามิชของเคท ซึ่งเธอทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าว เจคอบ เบิร์กโฮลเดอร์ (คริสเตียน แคมป์เบลล์) พี่ชายของเคท (และเนฟ) ที่ไม่เต็มใจคุยกับเธอเพราะถูกเมินเฉย จอห์น โทมาเซ็ตติ (นาออม เจนกินส์) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมแห่งโอไฮโอ ที่ถูกนายกเทศมนตรีเรียกตัวมา แต่เขาเกือบจะถูกไล่ออกเพราะช่วงเวลาที่ยากลำบากของเขาเองซึ่งนำไปสู่ภาวะ PTSD และเนท ดีทริก (ซี. โทมัส ฮาวเวลล์) นายอำเภอที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหลายครั้ง

การสืบสวนดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง เคทยืนยันว่าแดเนียล แลปป์เสียชีวิตแล้ว เราค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์การจากไปอย่างกะทันหันของเคท และใครบ้างที่รู้เหตุผลที่แท้จริงที่เธอจากไป เคทและจอห์น โทมาเซ็ตติพัฒนาความสัมพันธ์ที่โรแมนติก เห็นได้ชัดว่าฆาตกรมีสายสัมพันธ์ที่สำคัญในท้องถิ่น แม้ว่าเขาจะหายตัวไปเป็นเวลา 16 ปีก็ตาม ลูกสาวของนายกเทศมนตรีกลายเป็นเหยื่อรายที่สอง ในไคลแม็กซ์ เคทค้นพบทุกอย่างและเกือบจะกลายเป็นเหยื่อเอง แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ในที่สุด ลูคัส โฮลสต์ก็สามารถปลดอาวุธฆาตกรได้ในตอนท้าย ซึ่งถือเป็นชัยชนะของกลุ่มรักสันติของชาวอามิช

ฉันคิดว่า “An Amish Murder” เป็นหนังแนวลึกลับที่ดีทีเดียว มีฉากความรุนแรงบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูเกินจริงจนเลือดสาดไปทั่ว อาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงเกิดขึ้นนอกจอ เป็นหนังทุนต่ำ และเนื้อเรื่องก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ ในแง่ของลักษณะนิสัยของชาว Amish ปัญหาใหญ่ที่สุดของฉันคือทำไม Kate ถึงถูกเมินเฉย ไม่เคยมีการระบุว่าเธอเป็นสมาชิกที่รับบัพติศมาของคริสตจักร ถ้าเธอไม่รับบัพติศมาก่อนที่เธอจะจากไป เธอก็ไม่ควรถูกเมินเฉย และถ้าเธอถูกเมินเฉย ทำไมเมืองถึงจ้างหัวหน้าตำรวจที่คนส่วนใหญ่ในชุมชนไม่ยอมคุยกับเธอผู้ชายชาว Amish บางคน รวมทั้ง Lucas อดีตแฟนของ Kate ที่ตอนนี้แต่งงานแล้วและมีลูกๆ ก็มีเคราที่เล็มสั้นมาก ภายในบ้านดูสมจริงมาก แต่มีหลายอย่างที่เราไม่เห็น ส่วนใหญ่ฉากแอ็กชั่นจะอยู่ในเมืองหรือในอาคารนอกบ้าน

ถึงกระนั้นก็ตาม มันเป็นหนังที่สนุกสนานยาวนานหนึ่งชั่วโมงครึ่ง นักวิจารณ์ต่างก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บางคนอาจไม่ชอบสไตล์ของภาพยนตร์ของ Lifetime Television บางคนอาจคิดว่าหนังดำเนินเรื่องช้าเกินไปและเนื้อเรื่องก็ชัดเจนเกินไป แต่สำหรับฉันแล้วไม่ใช่แบบนั้น
ไมเคิล_เอลเลียตหนึ่งในหนังระทึกขวัญที่ดีที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาAn Amish Murder (2013)